There was a farmer who had three sons.
All of his sons were very lazy. No one helped his
father to work in
the field.
father to work in
the field.
No one cared to do any work. They only ate and
slept.
slept.
The farmer was very sad that his sons were lazy.
One day the farmer became very ill. He called his
three sons to tell
them something.
three sons to tell
them something.
“I have a treasure for you but it is buried in the
field. After I die
you may dig it up,” the farmer said then and died.
field. After I die
you may dig it up,” the farmer said then and died.
The three boys went to the field and dug the
ground.
ground.
They dug all day trying to find the treasure, but
did not find
anything.
did not find
anything.
Next day they went to the field again and dug the
ground more. But
they did not find any treasure.
ground more. But
they did not find any treasure.
The boys dug the field for many days. They did
not find any
treasure.
not find any
treasure.
Finally, the eldest son said, “Let us stop digging.
We should grow
corn in our field.”
We should grow
corn in our field.”
So they brought corn seeds and sowed them in the
land they had
been digging.
land they had
been digging.
After one month, the field was full of green corn
seedlings.
seedlings.
Three months later, the plants bore corn and when
the corn was
ripe, the whole field became bright yellow.
the corn was
ripe, the whole field became bright yellow.
“This is the treasure that father gave us,” they said
happily.
happily.
“Nothing can be gained
without effort.”
ทรัพย์ในดิน
ชาวนาผู้หนึ่งมีลูกชายอยู่สามคน
ลูกชายของเขาทุกคนล้วนเป็นคนเกียจคร้าน
จึงไม่มี
ใครไปช่วยพ่อ
ของเขาทำงานในท้องนาเลย
ใครไปช่วยพ่อ
ของเขาทำงานในท้องนาเลย
ทุกคนเอาแต่กินกับนอนเท่านั้น
ชาวนารู้สึกเสียใจมากที่ลูก ๆ ของเขาเป็นเช่นนี้
วันหนึ่งชาวนาเกิดล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน
เขาจึง
เรียกลูกชายทั้ง
สามคนเข้ามาสั่งความ
เรียกลูกชายทั้ง
สามคนเข้ามาสั่งความ
“พ่อฝังสมบัติทั้งหมดที่จะยกให้พวกเจ้าไว้ในท้อง
นา เมื่อพ่อตายไป
แล้วพวกเจ้าจงไปขุดหากันเอาเองเถิด” บอกแล้ว
ชาวนาก็สิ้นใจตาย
นา เมื่อพ่อตายไป
แล้วพวกเจ้าจงไปขุดหากันเอาเองเถิด” บอกแล้ว
ชาวนาก็สิ้นใจตาย
ลูกชายทั้งสามของชาวนาจึงพากันไปขุดหาสมบัติ
ในท้องนาตามที่
พ่อบอก
พวกเขาช่วยกันขุดหาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แต่ก็ไม่พบ
สมบัติที่มีค่าอะไร
เลย
สมบัติที่มีค่าอะไร
เลย
วันรุ่งขึ้น พวกเขาก็พากันออกไปขุดหาสมบัติอีก แต่
ยังคงไม่พบอะไร
เลยเช่นเดิม
ยังคงไม่พบอะไร
เลยเช่นเดิม
ลูกชายทั้งสามของชาวนา ต่างช่วยกันขุดหาอยู่เช่น
นี้ต่อไปอีกหลาย
วัน แต่ก็ปรากฏว่าไม่พบสมบัติอะไรเลย
นี้ต่อไปอีกหลาย
วัน แต่ก็ปรากฏว่าไม่พบสมบัติอะไรเลย
ในที่สุดพี่ชายคนโตจึงพูดปรึกษากับน้อง ๆ ของเขา
ว่า “พี่ว่าเราเลิก
ขุดหาสมบัติกันแล้วหันมาปลูกข้าวโพดกันดีกว่า”
พวกเขาจึงนำเอาเมล็ดข้าวโพดมาหว่านลงในผืนดิน
ที่ถูกขุดคุ้ยไว้
แล้วนั้น
ที่ถูกขุดคุ้ยไว้
แล้วนั้น
หนึ่งเดือนต่อมา เมล็ดข้าวโพดก็เริ่มงอกงามเป็นต้น
กล้าเล็ก ๆ
กล้าเล็ก ๆ
ถัดมาอีกสามเดือน ข้าวโพดก็เริ่มออกฝักแลดู
เหลืองอร่ามไปทั่วท้อง
นา
เหลืองอร่ามไปทั่วท้อง
นา
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ไม่มีอะไรที่จะได้มาง่าย ๆ
โดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น